Saturday, November 16, 2019

ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับเมืองเว้


ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับเมืองเว้



             เว้เป็นเมืองหลักของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ของประเทศเวียดนามเมืองเว้เป็นอดีตเมืองหลวงที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยศิลปวัฒนธรรมของเวียดนาม ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศ มีแม่น้ำหอมหรือแม่น้ำซงเฮืองไหลผ่านกลาง เว้ได้รับอิทธิพลมาจากจีนเพราะเคยถูกจีนปกครองมาก่อนนานนับพันจึงทำให้มีลักษณะคติความเชื่อและสถาปัตยกรรมที่คล้ายกับจีน ในช่วงของราชวงศ์เหงียนช่วงปี 2345-2488 เว้นั้นเคยเป็นราชธานีมาก่อน เว้จึงเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของเวียดนาม เมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยศาสนสถานและสุสานหลวง ปัจจุบันมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงเหลืออยู่คือพระราชวังไทฮวาหรือพระราชวังสันติสุขที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมเวียดนาม ซึ่งยังคงความสมบูรณ์แบบและสวยงาม  ความน่าสนใจของพระราชวังแห่งนี้คือเคยถูกฝรั่งเศสเผาในปี พ.ศ. 2488 ทำให้กลายเป็นวังร้าง และต่อมาในปีพ.ศ.2511 ก็ถูกสหรัฐทิ้งระเบิด เนื่องจากเป็นที่ซ่องสุมของคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้เข้ามาบูรณะและขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2536 เมืองเว้จึงมีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทั่วเมือง  จากข้อมูลเบื้องต้นทำให้ผู้ศึกษาสนใจศึกษางานที่ศึกษาเกี่ยวกับเมืองเว้และสถาปัตยกรรมต่างๆ งานทบทวนวรรณกรรมชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสถานที่ ประวัติศาสตร์ ตลอดจนศิลปะและสถาปัตยกรรม  โดยผู้จัดทำได้สำรวจข้อมูลจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงบทความในฐานข้อมูลงานวิจัย โดยผู้จัดทำได้แบ่งประเด็นการทบทวนวรรณกรรมได้ 3 ประเด็น ประเด็นที่แรก ศึกษางานด้านประวัติศาสตร์ ประเด็นที่สอง ศึกษางานด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม ประเด็นที่สาม ศึกษางานด้านการท่องเที่ยว


การทบทวนวรรณกรรมเรื่องเมืองเว้ ผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารชั้นรองเป็นหลัก (Secondary document) พบงานประเภทหนังสือ วารสาร บทความวิชาการ บทความบนเว็บไซต์และวิดีโอ รวมทั้งสิ้น 14  ชิ้นงาน โดยแบ่งเป็นหนังสือ 6 เล่ม บทความบนเว็บไซต์ 5 บทความ บทความวิชาการ 1 บทความ วีดีทัศน์ 2 คลิป

1. งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์

จากการทบทวนวรรณกรรมงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองเว้  พบว่าในอดีตนั้นก่อนที่จะเป็นเมืองเว้นั้นเมืองเว้เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของจีนเป็นเวลาหลายทศวรรษจึงได้รับอิทธิพลมาจากจีนโดยตรง และถูกสร้างขึ้นในราชสมัยของราชวงศ์เลและเป็นยุคที่รุ่งเรื่องมากในขณะนั้น ในรัชสมัยของราชวงศ์เหงียนเว้เป็นเมืองหลวงของเวียดนามและมีการสร้างพระราชวังเว้ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียน 13 พระองค์  และมีการสร้างพระราชวังต้องห้ามซึ่งได้รับอิทธิพลจากการสร้างพระราชวังต้องห้ามในจีน  หลังจากที่พระเจ้ายางลองปกครองได้เพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้พระราชวังเว้ ในช่วงระยะเวลานี้จักรพรรดิผลัดกันขึ้นสู้ชิงบัลลังก์ในช่วงสั้นๆ รวมถึงเหตุการณ์ต่อมาคือ การยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาและในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน พระเจ้าเบ๋าได่ได้สละราชสมบัติหน้าประชาชน และได้มอบตราแผ่นดินและดาบอาญาสิทธิให้กับฝ่ายปฏิวัติ ซึ่งราชวงศ์เหงียนเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองเมืองเว้ 

2. งานศึกษาด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม

จากการที่ได้ทบทวนวรรณกรรมงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะและสถาปัตยกรรมของเมืองเว้ พบว่าเมืองเว้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่อยู่ในราชวงศ์เหงียนคือพระราชวังเว้ซึ่งเป็นศิลปะเวียดนาม และมีการนำรูปแบบของสถาปัตยกรรมมาจากจีนเช่นพระราชวังต้องห้าม ที่รับสถาปัตยกรรมและรูปแบบในการวางผังในการสร้าง ลักษณะของพระราชวังชั้นในมีกำแพงสี่เหลี่ยมล้อมรอบแต่ละด้าน600เมตร มีประตูเข้าออกทั้ง4ทิศ โดยประตูโงมนมีความสำคัญเพราะเป็นประตูเข้าสู่เขตพระราชวังสำคัญที่เป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจสูงสุดของราชวงศ์เหงียน ซึ่งพระราชวังเว้มีการสร้างกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นป้อมปราการเมืองหลวงเว้ ชั้นที่ 2 ป้อมปราการหลวงซึ่งล้อมรอบพระราชฐาน วัง วัดและสุสาน ชั้นที่ 3 เป็นป้อมปราการต้องห้ามภายในกำแพงเป็นที่ประทับกษัตริย์ทั้ง 13 องค์  และภายในพระราชวังเว้จะมีการสร้างรูปสัตว์ 4 ชนิดหลักๆ ได้แก่ มังกร หงส์ เต่า และกิเลน  ในส่วนของสุสานทั้ง 7 แห่งนั้นมีการวางผังโดยการนำเอาคติความเชื่อเรื่องฮวงจุ๊ยเข้ามาซึ่งจะต้องมีแม่น้ำและแกนหน้าบริเวณฝังพระบรมศพที่หันหน้าเข้าสู่ภูเขาและจะมีวัดประจำสุสานเสมอ ซึ่งได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนผสมผสานกับวัฒนธรรมเวียดนามในช่วงหลังมีการนำเอาศิลปวัฒนธรรมของตะวันตกเข้ามาในการออกแบบสุสาน

3. งานศึกษาด้านการท่องเที่ยว

จากการที่ได้ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวพบว่างานศึกษาทั้ง 4 ชิ้น เน้นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบเดียวกันคือการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คน พบว่าการสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้นั้นมีสถาปัตยกรรมโบราณที่กระจายอยู่ทั่วเมืองเว้ เนื่องจากว่าอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามซึ่งยังคงมรกดทางสถาปัตยกรรมไว้คือพระราชวังเว้ สุสานของเหล่าจักรพรรดิราชวงศ์เหงียน วัดเทียนมู่ ซึ่งสถาปัตยกรรมเหล่านี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของเมืองเว้และยังได้รับเป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก

4. งานศึกษาเมืองเว้โดยสื่อวีดีทัศน์

จากการทบทวนวรรณกรรมผ่านสารคดีทั้ง 2 เรื่อง  พบว่าสารคดีทั้งสองเรื่องให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเว้ส่วนมากเป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เว้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากว่าเมืองเว้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงานและใหญ่โตและยังเป็นที่ประทับของกษัตริย์ของเวียดนามด้วย จากการรับชมสารคดีพบว่าสารคดีทั้งสองเรื่องนั้นเป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทั้งสถานที่และกิจกรรมต่างๆ เช่น พระราชวังต้องห้าม สุสานจักรพรรดิราชวงศ์เหงียน  วัดเทียนมู่ เป็นต้น ซึ่งสถานที่ที่กล่าวมานั้นเป็นจุดสำคัญและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเว้เลยก็ว่าได้



สรุปผลการศึกษา
จากการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเมืองเว้ พบว่ามี หนังสือ 6 เล่ม บทความบนเว็บไซต์ 5 บทความ บทความวิชาการ 1 บทความ สื่อวีดีทัศน์ 2 คลิป รวมทั้งสิ้น 14 ชิ้นงาน  ซึ่งสามารถแบ่งงานเขียนได้ 3 ประเด็นคือ ประวัติศาสตร์ ศิลปะและสถาปัตยกรรม สารคดีและการท่องเที่ยว  ทำให้พบว่าการศึกษางานเขียนเกี่ยวกับเมืองเว้ส่วนใหญ่เน้นการนำเสนอในด้านการท่องเที่ยวและสถาปัตยกรรมของเมืองเว้ เนื่องจากในอดีตเมืองเว้เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในขณะนั้นได้มีการสร้างสถาปัตยกรรมมากมายเช่น พระราชวังเว้ สุสานกษัตริย์ของราชวงศ์เหงียน และวัดเทียนมู่ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่กว่าพระราชวัง  ซึ่งในปัจจุบันสถานที่เหล่านี้ได้รับรับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของเมืองเว้ในสมัยนั้น ทำให้วรรณกรรมส่วนใหญ่เน้นไปที่การนำเสนอข้อมูลเมืองเว้ในด้านการท่องเที่ยวและสถาปัตยกรรมมากกว่าด้านประวัติศาสตร์ ในส่วนประเด็นที่น่าสนใจคือการมองเว้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงโหยหาอดีต เพราะเว้เป็นศูนย์กลางการปกครองเดิมในช่วงยุคราชวงศ์ บริบทงานเขียนเชิงการท่องเที่ยวจึงมองว่าเว้เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญที่มีบทบาทในอดีตและจะเป็นที่ที่ทำให้ผู้คนได้ไปสัมผัสกับวิถีความเป็นไปแต่เดิมในยุคราชวงศ์
ข้อเสนอแนะ
เนื่องจากเมืองเว้มีสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่กระจายอยู่ทั่วเมืองเว้ จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย การนำเสนอข้อมูลของเมืองเว้จึงเน้นนำเสนอข้อมูลเมืองเว้ในทางเชิงท่องเที่ยวและสถาปัตยกรรมเป็นส่วนใหญ่ ในด้านการเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเมืองเว้จึงพบได้น้อยมาก ดังนั้นข้อเสนอแนะของผู้จัดทำต้องการให้มีการศึกษาหรือนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเมืองเว้มากกว่านี้ หากมีงานที่ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพียงพอจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติของเมืองเว้ที่ไม่ใช่เน้นไปทางด้านการท่องเที่ยวเพียงด้านเดียว
  

No comments:

Post a Comment

วัดวิชุนราช หลวงพระบาง ประเทศลาว

 วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม ที่มา https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1236856 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า สปป....