Wednesday, August 26, 2020

การเตรียมตัวของมัคคุเทศก์ก่อนปฏิบัติงาน

 

How to be a good guide




☺☺☺☺☺ในครั้งที่แล้วเราพูดถึงเทคนิคและการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์ ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงการเตรียมตัวของมัคคุเทศก์ก่อนปฏิบัติงาน มาดูกันเลยค่ะว่า ไกด์นั้นพวกเขาต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนการนำทัวร์ ☺☺☺☺☺☺

        
    ก่อนการนำเที่ยวในแต่ละครั้งมัคคุเทศก์ต้องมีการเตรียมความพร้อมในทุก ๆ เรื่อง ไมว่าจะเป็นโรงแรมหรือที่พักของลูกทัวร์ ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ตั๋วและบัตรเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ (งานเอกสาร) เช่น หนังสือเดินทาง ตั๋ว ป้ายชื่อ (tag) และรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ระหว่างการทัวร์ 

    วิธีการปฏิบัติงานของมัคคุเทศก์ ไม่ว่าจะเป็น การรับงาน การเตรียมตัวก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ การรับ เข้าและส่งออกที่สนามบิน ท่าเรือ สถานีรถไฟ และรถยนต์ การปฏิบัติงานระหว่างการนำเที่ยว เทคนิคการนำชมสถานที่การอธิบายให้ข้อมูล การอำนวยความสะดวกในระหว่างการเดินทาง  เราไปดูหน้าที่ของไกด์คร่าวๆกันก่อนนะคะ 

❤❤ หน้าที่ของไกด์ ❤❤

  ศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานที่นำเที่ยวตามแผนการท่องเที่ยว รวมทั้งความรู้ด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ 

  วางแผนกำหนดเส้นทาง ติดต่อสถานที่พักแรมหรือเตรียมอุปกรณ์เพื่อการพักโรงแรม

  นำนักท่องเที่ยวชมสถานที่และบรรยายให้ทราบถึงความเป็นมาของสถานที่
 
  ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในระหว่างการนำเที่ยว


                                                      



การปฎิบัติการด้านตวรจสอบเอกสารของมัคคุเทศก์

          1. รายการนำเที่ยวสำหรับผู้นำเที่ยว หรือแผนการนำเที่ยว
          
          2. ใบ Voucher หรือสัญญาซื้อการบริการนำเที่ยว

          3. สำเนาจดหมายติดต่อธุรกิจระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับสถานที่ประกอบการต่าง ๆ 

          4. รายชื่อสำหรับนักท่องเที่ยวสำหรับการจัดที่นั่งบนรถและเครื่องบิน

          5. รายชื่อสำหรับนักท่องเที่ยวสำหรับการจัดห้องพัก Rooming List 











        อาชีพมัคคุเทศก์ นอกจากจะเป็นอาชีพที่สนุกและท้ายทาย หากมีเพียงความรู้แต่มีความไม่มีความสามารถทางด้านภาษา ความอดทน ความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ เราต้องอาศักความสามารถและความชำนาญการเหล่านี้ถึงจะสามารถประสบความสำเร็จในอาชีพมัคคุเทศก์ได้ 

เวียดนามเหนือ วัดบ๋ายดิ่งห์ (Bai dinh)


เขตโบราณสถานวัดบ๋ายดิ่งห์ วัดโบราณแห่งเวียดนามเหนือ 


    เวียดนามเพื่อนบ้านทางทิศตะวันออกของประเทศไทย เวียดนามเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมคล้ายประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ วิถีชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ได้รับจากจีนในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมมากกว่า 100 ปี ส่งผลให้สถานที่ต่าง ๆ มีลักษณะคล้ายกับประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นวัด สุสาน สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักวัดโบราณของประเทศเวียดนามนั่นคือ ''วัดบ๋ายดิ่งห์ (Bai Dinh)''


ที่มา 
https://www.taketours.com/hanoi/1-day-bai-dinh-pagoda-and-trang-an-luxury-tour-from-hanoi-384-8763.html

       ☺ โบราณสถานวัดบ๋ายดิ่งห์ ☺

       เขตโบราณสถานวัดบ๊ายดิ๊งห์ประกอบด้วยวัดบ๊ายดิ๊งห์โก่ตื๋อหรือวัดบ๊ายดิ๊งเก่าแก่และวัดบ๊ายดิ๊งเตินตื๋อหรือวัดบ๊ายดิ๊งห์ใหม่  ชื่อบ๊ายดิ๊งห์นั้นมีความหมายว่า การถวายพระพรดินฟ้า พระพุทธเจ้าและทวยเทพที่อยู่บนที่สูง  เขตโบราณสถานฯนี้ถูกก่อสร้างในพื้นที่อยู่ทางทิศตะวันตกของราชธานีฮวาลือ ซึ่งถูกสร้างมากว่า 1,000 ปี 

       ☺ที่ตั้ง☺


    วัดบ๊ายดิ๊งห์ตั้งอยู่ในตำบลยาซินห์ อำเภอยาเหวียน จังหวัดนินห์บิ่นห์และอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ 94 กิโลเมตร 
ตั้งอยู่บนภูเขาดิ๊งห์สูง 187 เมตร การเดินทางขึ้นวัดต้องปินบันไดหินกว่า 300 ขั้น


วัดบ๊ายดิ่งห์เตินตื๋อมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆได้แก่ ประตูตามกวานหงวาย ประตูตามกวานโหน่ย หอระฆัง สถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิมและพระพุทธรูป  พอผ่านประตูตามกวานหงวายก็จะถึงหอระฆังที่มีสามชั้น หอระหังนี้มีระฆังขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนามหนัก ๓๖ตัน และมีกลองสำริดหนัง ๗๐ตัน  ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เสียระฆังกังวาฬไกลถึงไหนพระพุทธเจ้าจะปกป้องมนุษย์ถึงนั่น   เดินตามระเบียงรูปปั้นพระอรหันต์ก็จะถึงสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิมและพระพุทธเจ้า  ที่นี่มีรูปปั้นทองสำริดเจ้าแม่กวนอิมพันมือขนาดใหญ่และพระพุทธรูปทองสำริดขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม


สิ่งก่อสร้างที่นี่ล้วนมีขนาดใหญ่โตอลังการเป็นอย่างมาก วัดไบ่ดิงห์มีรูปหล่อพระพุทธเจ้าที่ใหญ่ที่สุด หนักราว 100 ตัน ประดิษฐานอยู่ อีกทั้งยังมีระฆังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามสูง 22 เมตร หนัก 36 ตัน  วัดไบ่ดิงห์แห่งนี้จึงเป็นพุทธสถานศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวพุทธเวียดนามทั้งประเทศอย่างแท้จริง




ภายในบริเวณระเบียงวิหาร ตั้งรูปหลักพระอรหันต์จำนวน 500 องค์ เรียงรายยาวที่สุดในเอเชียเป็นระยะทางรวมกันถึง 3 ก.ม.






                                                                                                                                                                         ที่มา https://pantip.com/topic/38012616


ที่มา



ภายในวัดมีพระพุทธเจ้าประดิษฐานขนาดใหญ่ที่สุด หนักประมาณ 100 ตันประดิษฐานอยู่









ภาพวัดบ๋ายดิ่งห์ในช่วงเวลากลางคืน วึ่งเป็นสถานที่โบราณสถานที่สวยงามและมีเสน่ห์อย่างมาก และสวยไม่ต่างจากภาพวิวตอนเช้า ดั่งเมืองสวรรค์บนพื้นดินของชาวพุทธ


    เมื่อเทศกาลวัดบ๊ายดิ๊งห์เวียนมาในวันที่ 6 เดือนอ้ายทุกปี นักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนจากทั่วสารทิศได้หลั่งไหลมานมัสการที่วัดบ๊ายดิ๊งห์และชมทัศนียภาพที่สวยงาม


   ประเทศเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธรองจากศาสนาคริสต์ ในเวียดนามมีโบราณสถานที่เกี่ยวข้องทางศาสนามากมาย ซึ่งลักษณะทางสถาปัตยกรรมได้รับอิทพลมาจากประจีนโดยส่วยใหญ่ ทั้งความเชื่อทางศาสนา และวัฒนาธรรมอันดีงานมากมายที่สืบทอดกันมาออย่างยาวนาน...

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเขตสถานโบราณวัดบ๋ายดิ่งห์ หวังว่าทุก ๆ ท่านจะได้รับประโยชน์และความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดบ๋ายดิ่งห์ หากข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วนนะคะ แล้วเจอกันใหม่บล็อกหน้านะคะ ^^








Thursday, August 20, 2020

เทคนิคและการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์

 

เทคนิคและการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์

                                                                                   



        อาชีพไกด์หรือมัคคุเทศก์ถือเป็นอาชีพหนึ่งที่ใครหลาย ๆ คนต้องกาประกอบอาชีพนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่เรียนจบการท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ จบด้านภาษา รวมถึงกลุ่มคนที่รักในการนำเที่ยวหรือการบริการ อาชีพไกด์ยังเป็นอาชีพที่มีความท้าทายและต้องรับมือกับการนำทัวร์และดูแลลูกทัวร์ให้ดีตั้งแต่เริ่งทริปจนจบทริปในแต่ละครั้ง เพื่อให้ลูกทัวร์ประทับใจในการบริการนำเที่ยว แต่ในการทางเดียวกับไกด์ต้องมีเทคนิคและการเตรียมพร้อมอย่างไรนั้น วันนี้เราจะพามารู้จักเทคนิคคร่าวๆ ในการนำเที่ยวให้ทราบกันค่ะ 


        ➤ คุณสมบัติของมัคคุเทศก์ที่ดี

`1.  มัคคุเทศก์ต้องมีการเตรียมข้อมูลของสถานที่ที่นำทัรว์เป็นอย่างดี การเตรียมข้อมูลไว้ล่วงหน้า                      แสดงถึงความเอาใจใส่และสามารถตอบคำถามของลูกทัวร์ได้อย่างมั่นใจ
  
 2   มัคคุเทศก์ต้องมีหน้าที่ต้องติดต่อสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และร้านอาการเพื่อรับรองทัวร์

 3.  มัคคุเทศก์ต้องสุภาพเรียบร้อย พูดจาฉะฉาน รักใจในการบริการนำเที่ยว และยิ้มแย้มเสมอ

 4.  รู้จักเก็บข้อมูลดีที่ ทั้งข้อมูลข่าวสาร ท่องเที่ยว ความนิยมของลูกค้า และนักท่องเที่ยว


     4 คุณสมบัติเหล่านี้ถือเป็นคุณสมบัติของไกด์ที่ดีวควรมี  แต่นอกเหนือจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นอีกมากมายที่สื่อถึงการเป็นมัคคุเทศก์ที่ยัง หากมีครบเพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นมัคคุเทศก์ที่สมบูรณ์แบบ 
ในหัวข้อต่อไปเป็นเทคนิคการนำเที่ยวของมัคคุเทศก์ที่ทั่วโลกต้องปฏิบัติตาม 


        เทคนิคการนำทัวร์ของมัคคุเกศท์




  1.  เมื่อถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ไกด์ควรหาจุดรวมพลที่เป็นร่มเงาเพื่อให้ลูกทัวร์ ฟังคำชี้แจงของไกด์ก่อนที่จะเดินชมสถานที่นั้นๆ เมื่อถึงควรพูดถึงประวัติของสถานที่พอคร่าวๆ รวมถึงแจ้งกฎและข้อห้ามของสถานที่นั้นๆมรวมถึงการวัฒนธรรมของคนพื้นที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวทราบและจะได้ปฏิยัติตามอย่างถูกต้อง 

  2.  เริ่มนำทัวร์ตวามจุดต่างๆ ในการนำเสนอจะเน้นการอธิบายความหมาย ความเป็นมาของสถานที่หรือวัตถุเพื่อให้ลูกทัวร์ทราบถึงข้อมูล นอกขากนี้ ไกด์ต้องทราบว่าคณะลูกเป็นกลุ่มนักเรียน วัยกลางคน หรือวัยชรา เพื่อจะได้อธิบายข้อมูลให้เข้ากับลูกทัรว์ เช่น หากลูกทัวร์เป็นกลุ่มนักเรียน ไกด์ไม่ควรให้ข้อมูลเชิงลึกเพราะอาจจะทำให้ลูกทัวร์เบื่อได้  หรือลูกทัวร์เป็นวัชรา หรือคนแก่ ไกด์ควรหาจุดรวมพลที่มีโต๊ะนั่งหรือในที่ร่ม เพื่อให้ลูกทัวร์ได้พักหรืออาจจะนำเสนอข้อมูลไปด้วย เพื่อไม่ให้ลูกทัวร์รู้สึกเหนื่อย และก่อนจะย้ายไปสถานีที่อื่น ไกด์มักถามลูกทัวร์เสมอว่ามีข้อสงสัยอะไรไหม เพื่อเป็นการให้ลูกทัวร์มีส่วนร่วมมากขึ้น




  3.   ในการนำเที่ยวไกด์จะยืนหันหน้าเข้ากับลูกทัวร์และยืน 45 องศา และก่อนถึงสถานที่ถัดไปไกด์จะต้องหันไปมองลูกทัวร์ว่าเดิมตามทันหรือไม่ทันและหยุดยืนรอ นอกจากนั้นในการอธิบายข้อมูลไกด์จะมีการใช้น้ำเสียงและขยับร่างกาย เพื่อให้ดูน่าเบื่อ 

  4.  แต่ละสถานที่ที่พาลูกทัวร์เดินชมความสวยงามและเรียนรูปถึงประวัติความเป็นมา ควรให้ลูกทัวร์เดิมชมด้วยตนเอง หรือให้เวลาส่วนตัวกับลูกทัวร์ และกำหนดเวลารวมถึงจุดรวมพล เพื่อที่พจะเคลื่อนไปในจุดถัดไป เป็นการวางแผงและจัดสรรเวลา

  5.  หลังจากจบทริป ไกด์ควรถามลูกทัวร์ถึงการท่องเที่ยวในครั้งนี้ว่ามีความสุขไหม ได้เรียนรู้อะไรบ้าง และเปลี่ยนข้อมูลกับเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างมัคคุเทศก์และลูกทัวร์ และตลอดการเดินทางมัคคุเทศก์ต้องดูแลเอาใส่ลูกทัวร์อย่างดี เพื่อให้ลูกทัวร์ประทับใจ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลต่างๆ ยังรวมถึงการบริการเช่นกัน 


    จะเห็นได้ว่าการที่จะเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีนั้นไม่เพียวแต่มีคุณสมบัติของมัคคุเทศก์ที่ควรมีและ มัคคุเทศก์ต้องมีไหวพริบ การปรับตัวอย่างรวดเร็วกับสถานการณ์ และสถานที่ ต้องดูแลเอาใจใส่บริการลูกทัวร์ให้เหมาะสมและเกิดความประทับใจระหว่างลูกทัวร์และไกด์ หากใครสนใจอย่าประกอบอาชีพมัคคุเทศก์สามารถฝึกคุณสมบัติมัคคุเทศก์ที่ดีหรืออาจจะลองพาครอบครัวไปเที่ยวและนำเที่ยวเพื่อเป็นฝึกฝนในตัวเอง 







 

Friday, August 14, 2020

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากยุคหินเก่า ยุคหินใหม่และการเข้าสู่อารยธรรม

 

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากยุคหินเก่า ยุคหินใหม่และการเข้าสู่อารยธรรม



        Neolithic Revolution การพัฒนาของยุคหินใหม่ช่วงที่สิ้นสุดของยุคน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนได้ย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยจากที่สูง ลงมาอาศัยแถบแม่น้ำที่ที่มีแหล่งอาหารมากมายเรียนรู้การทำฟาร์ม  และเปลี่ยนการดำรงชีวิตจากการล่าสัตว์หาของป่า มาเป็นการทำการเกษตร ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ กัารพัฒนาการเกษตรเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ของผู้คนในยุคนั้น นอกจากนั้นมีการแพร่ผู้คนจากทวีฟแอฟริกากระขายเข้ามายังทวีปเอเชียและยุโรป มีการพัฒนาของกลุ่มคนจนเกิดวัฒนธรรมมากมายในแต่ละพื้นที่จนกลายเป็นอารยธรรม 



             
           
ที่มา https://i.pinimg.com/originals/ee/29/dc/ee29dc6e146263c05cb9544012897367.jpg

นในยุคหินใหม่มีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากยุคหินใหม่อย่างสิ้นเชิง หลักจากการพัฒนาการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการทำประทาน ทำให้สามารถปลูกพืชได้มากขึ้นมีแหล่งอาหารเพิ่มขึ้น รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ การมีอาหารที่มากพอทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น มีการสร้างหมู้บ้านจำนวนย่อยๆ และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ มีการแบ่งงานกันในหมู่บ้าน จนเกิดวัฒนธรรมขึ้น







  จากหมู่บ้านขนาดเล็กพัฒนามาเป็นเมือง เกิดความซับซ้อนทางการเมืองมากขึ้น มีผู้นำในการบริหารบ้านเมือง มีศาสนาและความเชื่อ โดยส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับความตาย ความแตกต่างระหว่างหมู่บ้านและเมือง คือหมู่บ้านผู้คนจะอาศัยอยู๋แบบครอบครัวมีเพียงสมาชิกภายมในครอบครัว ส่วนเมืองจะมีการย้ายเข้าออกของผู้คน และเกิดการแลกเปลี่ยนทางสังคม วัฒนธรรม ความเชื่อและศาสนา จำนวนของผู้คนมากขึ้น ประมาณ 40,000-50,000 คน 




   
เมือง Uruk ถือเป็นเมืองแรกที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันอยู่ที่ประเทศอิรักในปัจจุบัน  เมือง Uruk ถือเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น มีศูนย์กลางเมือง อาจจะเป็นวัดหรือตลาด ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน 









            เมืองได้มีการพัฒนามีขนาดใหญ่ขึ้น จากวัฒนธรรมจนกลายมาเป็นอารยธรรม โดยอารยธรรมที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ใกล้กัน คือ อารยธรรมอียิปต์ , อารยธรรมเมโสโปเตเมีย , อารยธรรมอินเดีย และอารยธรรมจีน ซึ่งอารยธรรมที่เกิดขึ้นนั้นจะตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำที่เป็นแหล่งของอาหารและทรัพยากรมากมาย 


ที่มา https://www.pinterest.com/pin/523402787936399433/

       อารยธรรมอียีปต์ ถือเป็นอารยธรรมแรกที่มาความยิ่งใหญ่ ซึ่งถือกำเนิดบิรเวณแถบแม่น้ำไนล์ ลักษณะของอารยธรรมอียิปต์นั้น มีการสร้างแระติมากรรมและสถาปัตยกรมมขนาดใหญ มีความซับซ้อนทางสังคมที่มากขึ้น มีความแตกต่างทางชนชั้นทางสังคมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งชนชั้นที่สูงสุดคือฟาโรห์ที่มีหน้าที่ปกครองประชาชน ชนชั้นกลางคือกลุ่มพ่อค้าอาชีพต่างๆ และชนชั้นล่างคือทาส มีกฏหมายที่มีไว้ลงโทาสำหรับคนที่ไม่ทำตามกฏที่กำหนดไว้ เกิดศาสนาลัทธิความเชื่อ ซึ่งสมัยนี้จะมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้ามากมาย โดยเทพเจ้าสูงสุดคือ เทพเจ้าเร มีการประดิษฐิ์ตัวอักษรเกิดขึ้น ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดคือ ลักษณะของอารยธรร




         จะเห็นได้ว่าการพัฒนาของมนุษญย์ในตั้งแต่ยุคหินเรื่อยมา ไม่วาจะเป็นการพัฒนาการดำรงวิถีชีวิตของผู้คน การขยายเผ่าพันธุ์ กาพัฒนาเกษตรกรรมต่างๆ ก่อให้เกิดวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมผลที่ตามมาคือความเจริญของชุมชน  หมู่บ้าน เมือง และจนกลายมาเป็นอารยธรรม  อารยธรรมมากมายที่เกิดขึ้นนั้นล้วนผ่านจุดที่รุ่งเรืองที่สุดของอารยธรรม จนถึงการล่มสลายของอารยธรรม การที่อารยธรรมอยู่ได้นานและเจริญรุ่งเรืองต้องมีผู้ปกครองที่ดีและความร่วมมือของประะชาชน และปัจจัยต่าง ๆ มากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่มีอารยธรรมใดที่คงอยู่ตลอดไป 





Thursday, August 6, 2020

วิวัฒนาการของมนุษย์ในเอเชีย และการปรับตัวของมนุษย์


 วิวัฒนาการของมนุษย์ในเอเชีย และการปรับตัวของมรชนุษย์ในยุคหินเก่าและหินใหม่

        

         วิวัฒนการของมนุษย์เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่ผ่านช่วงระยะเวลามามากกว่าล้านปีก่อน ซึ่งมนุษย์ปรากฏที่ทวีปแอฟริกาตั้งแต่ 4-5 ล้านปีก่อน โดยมนุษย์ในยุคนี้ถูกแบ่งได้ 4 กลุ่มหลักๆ ซึ่งมีวิวัฒนาการที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นการที่อยู่อาศัย พฤติกรรมการดำรงชีวิตจนพัฒนาเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
        
           มนุษย์กลุ่มแรกที่ถูกพบในทวีปแอฟริกาเมื่อ 4-5 ล้านปีก่อ ถูกเรียกว่า Australopithecine หรืออีกชื่อคือ "Southern Man" เป็นกลุ่มที่เริ่มเดินหลังตรง มนุษย์กลุ่มนี้มีการดำรงชีวิตโดยการล่าสัตว์เริ่มเดินด้วยเท้าสองข้าง มีการใช้เครื่องมือหินแบบหยาบ ๆ ขนาดรูปร่างของสมองจะมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ในปัจจุบัน 


 
กลุ่มที่ 2 ถูกเรียกว่า Homo Habilis ซึ่งปรากรฏอยู่ในทวีปแอฟริกา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า '' Handy Man" กลุ่มนี้ปรากฏเมื่อ 2.4 ล้านปีก่อน มีการใช้เครื่องมือหินในการสับอาหาร และมีการเดินด้วยเท้าสองข้างช่นเดียวกับกลุ่มแรก 

กลุ่มที่ 3 Homo Erectus กลุ่มนี้ถูกคนพบเมื่อ 2-1.5 ล้านปีก่อน เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มใช้เครื่องมือขวานมือหรือ Hand Ax เรียนรู้การใช้ไฟ 

กลุ่มที่  4 Homo Sapiens  หรือกลุ่ม wise man ถูกพบที่แอฟริการเมื่อ 200,000 ปีก่อน กบุ่มนี้เริ่มอพยบออกจาแอฟริการไปสุ่เอเชียและยุโรป มีการใช้ไฟ และพัฒนการใช้ภาษาอาจจะเป็นการส่งสัญญาณมือในการสือสารแทนภาษา ซึ่งกลุ่มนี้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน 

        หลักจากที่มีมนุษญืมีวิวัฒนการมากขึ้นก็เริ่มมีการอพยบออกจากทวีปแอฟริกาไปยังทวีปเอเชียและยุโรป โดยกลุ่ม Homo Sapiens โดยปรากฎที่ทวีปเอเชีย บริเวณปักกิ่ง ถูกค้นพบโครงกระดูกเมื่อปี 1932  และ Java Man กลุ่มนี้ถูกพบที่เกาะชวา ของประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี 1891 และ 1892  ซึ่งพบเจอโดยชาวฝรั่งเศส ชื่ิอว่า Eugène Dubois โดยส่วนที่พบคือส่วนกระดูกต้นขาและกระโหลก



            มนุยษ์ในยุคแรกที่อยู่ในช่วงยุหินเก่าหรือ Stone Age (Palneolithic Era) กลุ่มนี้เป็นพวกเร่ร่อนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งมีการสร้างเพิงโดยใช้หนังสัตว์และเปลี่ยนที่อยู่อาศัยไปเรื่อย ๆ วิธีการดำรงชีวิตเป็นการล่าสัตว์และหาของป่า โดยจะมีเครื่องมือหินแบบหยาบในการล่าสัตว์ และพัฒนามาเป็นกระดูกสัตว์และไม้ มีการใช้หนังสัตว์มาเป็นเครื่องนุ่งห่ม มีการสร้างสรรค์ศิลปะเช่น ศิลปะถ้ำ เป็นการวาดเรื่องราวในถ่ำ หรือวาดรูปสัตว์ต่าง ๆ 



 ในยุคหินใหม่หรือ New Stone Age (Neolithic Era) กลุ่มคนในยุคหินเก่าได้พัฒนาการเป็นการยุคหินใหม่ ซึ่งเครื่องมือในการใช้ยังคงมีลักษณะคล้ายกัน และเพิ่มเครื่องมือมากขึ้น แต่การดำรงชีวิตจะมีลักษณะที่แตกต่าง ซึ่งเปลี่ยนจากการล่าสัตว์หาของป่ามาเป็นการทำการเกษตร ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ย้านถิ่นฐานมาอยู่แถบแม่น้ำมีการตั้งหลักปักฐานอยู่กันเป็นกลุ่ม การพัฒนาด้านเกษตรกรรมทำให้การดำรงชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและพัฒนาไปเรื่อย ๆ 




                   การเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาทำให้ผู้คนได้มีการปรับตัวและพัฒนาวิถีชีวิต หลังจากยุคหินเก่ากลุ่มคนในยุคนี้ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายที่อยู่อาศัยจากที่สูงมาอยู่ตามแม่น้ำและลงหลักปักฐานในยุคหินใหม่ จนกระทั่งมีการเดินทางข้ามทวีปผ่านสะพานแผ่นดิน ผู้คนอบพยจากทวีปแอฟริการมายังเอเชียและยุโรป มีการลงหลักปักฐานปรับเปลี่ยนการดำชีวิตให้เข้ากับสถานที่เพื่อความอยู่รอดและแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีการพัฒนาจากการล่าสัตว์หาของป่าเป็นการทำการเกษตรก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และพัฒนามาเป็นหมู่บ้านและขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ เกิดวัฒนธรรมและกลายเป็นอารยธรรมในเวลาต่อมา 






วัดวิชุนราช หลวงพระบาง ประเทศลาว

 วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม ที่มา https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1236856 สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า สปป....